Quantcast
Channel: AMOLED Display – Specphone.com
Viewing all articles
Browse latest Browse all 6

จอเบิร์นคืออะไร เกิดจากอะไรได้บ้าง และมีวิธีแก้ไขพร้อมป้องกันเบื้องต้นได้อย่างไรบ้างในปี 2022

$
0
0
จอเบิร์นเกิดจากอะไร มีวิธีแก้ไข ป้องกัน คืออะไร fea

จอเบิร์นคืออะไร เกิดจากอะไรได้บ้าง และมีวิธีแก้ไขพร้อมป้องกันเบื้องต้นได้อย่างไรบ้างในปี 2022

หลายคนที่ใช้มือถือระดับกลางไปจนถึงระดับเรือธงที่มีหน้าจอเป็น OLED ไม่ก็พวก AMOLED ทั้งหลายน่าจะต้องเคยพบกับปัญหาหน้าจอมีลายสกรีนค้างขึ้นมา หรือในภาษาบ้านๆ ที่เรียกกันว่าหน้าจอ Burn-in กันอย่างแน่นอนเมื่อใช้งานมานาน หรือว่าใช้งานหนักในที่แสงจ้าตลอดเวลา ซึ่งเรื่องแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้ไม่ยาก และก็สามารถป้องกันได้ไม่ยากเช่นกัน ถ้าหากไม่อยากเปลี่ยนจอใหม่ หรือว่าพบกับความรำคาญของหน้าจอซ้อนกันหลายภาพก็ควรที่จะต้องป้องกันเอาไว้ดีกว่ามาแก้ทีหลัง แต่สำหรับใครที่เจอกับปัญหาเหล่านี้เข้าให้แล้ว และอยากรู้ว่ามีวิธีแก้ไขเบื้องต้นอย่างไรบ้าง เพื่อให้หน้าจอกลับมาใช้งานได้ปกติอีกครั้ง วันนี้ทาง Specphone จะพาไปทำความรู้จักกับหน้าจอเบิร์นคืออะไร เกิดจากอะไรได้บ้าง และมีวิธีแก้ไขพร้อมกับป้องกันเบื้องต้นได้อย่างไรบ้าง ถ้าไม่อยากให้เกิดขึ้นกับหน้าจอของเราในปี 2022 ตามไปดูกันได้เลย


จอเบิร์นคืออะไร เกิดจากอะไรได้บ้าง

จอเบิร์นเกิดจากอะไร มีวิธีแก้ไข ป้องกัน คืออะไร 2

มาเริ่มทำความรู้จักกับหน้าจอเบิร์น หรือที่เรียกกันอีกอย่างว่า Screen Burn-in นั้นก็คือหน้าจอที่เกิดอาการภาพค้าง หรือว่าเป็นภาพซ้อนจางๆ เหมือนมีลายน้ำติดที่หน้าจอ และค้างอยู่บนหน้าจอตลอดเวลา ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปดูอย่างอื่น หรือว่าเปิดแอพอื่นๆ ไปแล้วแต่รอยจางเหล่านี้ก็ยังติดอยู่ ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดจากการที่เราเปิดหน้าจอมือถือเอาไว้เป็นเวลานาน เปิดหน้าจอสว่างมากๆ เป็นเวลานาน หรือเปิดจอค้างไว้ในขณะที่มีแสงจ้าอยู่ตลอดเวลา ตัวอย่างง่ายๆ ก็อย่างเช่นการเปิด GPS แล้ววางไว้หน้ารถนานๆ (ประสบการณ์จริงที่เจอมาเลยด้วย) ทำให้เม็ดพิกเซลบนหน้าจอ LED ที่ตัวกำเนิดแสงสีน้ำเงินน้อยกว่าสีเขียวและแดง สีน้ำเงินจึงต้องใช้กระแสไฟฟ้าสูงเพื่อให้ความสว่าง และทำให้เสื่อมสภาพเร็วกว่าสีอื่นจนเกิด Burn-in ทำงานได้ไม่เต็มที่เหมือนเดิม หรือทำงานผิดปกติไปจนถึงเสื่อม จนทำให้เกิดภาพซ้อนอยู่ที่เดิมตลอดเวลานั่นเอง

จอเบิร์นเกิดจากอะไร มีวิธีแก้ไข ป้องกัน คืออะไร 1

ซึ่งอาการ Burn-in หรือ Screen Burn-in ส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดขึ้นกับหน้าจอของมือถือระดับกลางไปจนถึงระดับเรือธง ที่มีหน้าจอเป็นแบบ OLED, LCD, Super AMOLED หรือจำพวก AMOLED ทั้งหลายมักจะพบเจอกับปัญหานี้บ่อยๆ แต่ทั้งนี้หน้าจอที่เป็น IPS นั้นก็มีโอกาสที่จะเกิด Burn-in ได้เหมือนกัน ถ้าเปิดค้างไว้ในที่แสงจ้าเป็นเวลานานมากๆ แต่อาจจะเกิดได้ยากกว่าจอ OLED หน่อย และปกติก็ไม่ค่อยจะเจอกับ IPS ด้วยหากไม่ใช้งานหนักและเปิดไว้นานมากจริงๆ และถึงแม้ว่าในสมัยนี้จะมีการพัฒนาหน้าจอให้ดีขึ้นแล้ว แต่ก็ยังมีหลายๆ คนเจอกับปัญหาเหล่านี้อยู่ดี ดังนั้นเราจึงควรป้องกันเอาไว้ก่อนจะดีที่สุด หรือใครที่เจอกับปัญหานี้และอยากลองแก้ไขเบื้อต้นก็ลองทำตามวิธีที่เราจะนำมาฝากได้เลย


หน้าจอเบิร์นมีวิธีแก้ไข และวิธีป้องกันเบื้องต้นอย่างไรได้บ้าง

ก่อนอื่นที่เรามาดูวิธีแก้ไขเบื้องต้นกันก่อนเลย ที่ต้องบอกก่อนว่าวิธีเหล่านี้อาจจะพอช่วยได้บ้าง อาจจะมีคนที่ทำแล้วหาย หากยังไม่ได้ Burn-in มาเป็นเวลานาน และก็มีคนที่ลองทำตามวิธีเหล่านี้ก็ยังไม่หาย เนื่องจากหน้าจอได้เสื่อมไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ถ้าใครที่ลองทำตามวิธีทั้งหมดนี้แล้ว แต่หน้าจอยังไม่หาย Burn-in ก็แนะนำว่าให้เข้าไปหาศูนย์บริการของยี่ห้อที่ใช้งาน และทำการเปลี่ยนหน้าจอไปเลยจะดีที่สุด แต่ถ้าใครลองทำแล้วมันมีอาการ Burn-in จางลงไปบ้างและอยากใช้ต่อก็อาจจะพอใช้งานต่อได้ ถ้าคิดว่าไม่ได้สร้างความรำคาญให้ตัวเองมากเท่าไหร่นัก และถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะเกิดจากตัวฮาร์ดแวร์เป็นหลัก แต่บางครั้งก็อาจเกิดขึ้นจากตัวซอฟต์แวร์ได้เหมือนกัน (แต่น้อยนะ) เราลองไปดูกันดีกว่าว่ามีวิธีทำเบื้องต้นอย่างไรได้บ้าง

1. ปิดเครื่อง หรืออัพเดทระบบปฏิบัติการณ์

จอเบิร์นเกิดจากอะไร มีวิธีแก้ไข ป้องกัน คืออะไร 3

อย่างที่บอกไปว่าบางครั้งที่หน้าจอ Burn-in นั้นอาจจะเกิดขึ้นจาก Bug ตัวระบบที่ไม่ได้มีการอัพเดทได้ด้วยเหมือนกัน ดังนั้นถ้าหากจู่ๆ แล้วเกิดอาการ Burn-in ขึ้นมาก็แนะนำว่าให้ดูเวอร์ชั่นของระบบที่ใช้งานอยู่ ว่ามีการอัพเดทเป็นล่าสุดหรือยัง แต่ถ้าหากว่าอัพเดทเวอร์ชั่นทุกอย่างเป็นล่าสุดแล้ว หน้าจอเกิด Burn-in ขึ้นมาไม่นานแล้วเราสังเกตเห็นทัน ให้ฃองปิดเครื่องเพื่อพักสีของหน้าจอเอาไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง หรืออาจนานเป็นวันเลยก็ได้ แต่ถ้าหากเปิดเครื่องแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นมาก็ให้ลองวิธีอื่นๆ แทน

2. ใช้แอพในการช่วย

จอเบิร์นเกิดจากอะไร มีวิธีแก้ไข ป้องกัน คืออะไร 4
อย่าจ้องนานนะ มึนหัวและสายตาเสียด้วย ห้ามเด็ดขาด

การใช้แอพในการช่วยแก้ Burn-in นั้นเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำได้ง่ายๆ และไม่ต้องเสียเงินด้วย เพราะว่าหลายๆ แอพที่ทำขึ้นมาก็สามารถโหลดมาใช้งานได้ฟรีๆ เลย แต่ต้องบอกก่อนว่าแต่ละแอพนั้น อาจจะเหมาะและไม่เหมาะกับบางรุ่นด้วยเช่นกัน ดังนั้นก่อนจะทำการแก้ Burn-in ก็ให้ทดลองโหลดมาแล้วกดทดสอบดูก่อน เพื่อดูว่าแอพเหล่านั้นแก้ได้เต็มหน้าจอ หรือว่าแก้ได้เฉพาะบางส่วนของหน้าจอ ตัวอย่างแอพที่แนะนำก็เช่น LCD Burn-in Wiper, Ghost Screen Fix – Burn-In, Burnin Wiper, Dead Pixels Test and Fix และอื่นๆ หรือให้ค้นหา Burn in Fixer ใน Appstore, Play Store ก็ได้ หรืออีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่หน้าจอไม่ได้เบิร์นทั้งหน้าจอ ก็สามารถค้นหาใน Youtube ว่า Burn in Fixer เพื่อเปิดวิดีโอดูเต็มจอก็ได้เหมือนกัน

**ส่วนระยะเวลาที่จะทำให้หายหรือดีขึ้นก็ขึ้นอยู่กับว่าหน้าจอเรา Burn-in มากน้อยแค่ไหน บางเครื่องอาจจะใช้เวลาหลายขั่วโมง และทำต่อเนื่องหลายๆ วันเลยทีเดียว แต่ถ้าทำทุกทางแล้วยังไม่หายก็แนะนำว่าให้เข้าศูนย์เพื่อเปลี่ยนหน้าจอไปเลยดีกว่า**

วิธีป้องกันหน้าจอเบิร์นเบื้องต้น

สำหรับการป้องกันเอาไว้เบื้องต้นเพื่อไม่ให้เราต้องเจอกับปัญหาเหล่านี้ ถึงแม้ว่าจะยังไม่เคยเจออาการนี้มาก่อนก็ดูวิธีป้องกันเอาไว้เนิ่นๆ ก่อนจะดีที่สุด มีวิธีป้องกันเบื้องต้นได้ดังนี้

จอเบิร์นเกิดจากอะไร มีวิธีแก้ไข ป้องกัน คืออะไร 5

ไม่ควรเปิดหน้าจอทิ้งไว้นานๆ เนื่องจากการเปิดหน้าจอด้วยภาพเดิมๆ ทิ้งไว้อย่างการเปิด GPS, เปิดวิดีโอ หรือเล่นเกมที่หน้าจอนั้นค้างที่เดิมตลอดเวลามีโอกาสสูงมากที่จะทำให้เกิดอาการ Burn-in ได้ง่ายๆ ควรเปิดดูอย่างอื่นหรือเปลี่ยนเป็นภาพอื่นๆ ไม่ก็ปิดเพื่อพักไปก่อนก็ได้

ไม่ควรเปิดหน้าจอสว่างสูงสุดตลอดเวลา เพราะว่าการเปิดแสงสว่างหน้าจอตลอดเวลานั้น จะเป็นการเร่งให้เกิดอาการ Burn-in ได้สูงทีเดียว ยิ่งถ้าเปิดจอค้างไว้ในที่แสงจ้าเป็นเวลานานก็ยิ่งทำให้เกิด Burn-in ได้เลย ควรเปิดเพียง 40-50%

พักหน้าจอบ้าง ด้วยการปิดล็อคหน้าจอหรือว่าตั้งเวลาปิดหน้าจออัตโนมัติให้ไวขึ้น ไม่ควรเปิดทิ้งไว้เป็นเวลานาน เพราะนอกจากจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการ Burn-in แล้วยังเปลืองพลังงานของมือถือด้วย

เปิด Auto-Brightness ช่วยได้อีกทาง เนื่องจากหน้าจอจะมีการปรับความสว่างให้อัตโนมัติ ทำให้เราไม่ต้องมาคอยปรับเอง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับรุ่นมือถือด้วยว่ามีฟีเจอร์นี้หรือไม่

สำหรับมือถือที่มีฟีเจอร์ปิดตัวนำทางด้านล่างของระบบ Android แนะนำให้ปิดการใช้แถบนำทางที่ค้างอยู่ตลอดเวลา ก็จะเป็นตัวช่วยอีกทางที่ไม่ทำให้หน้าจอมีแถบลูกศรนำทางค้างไว้ได้ด้วย

ใช้แอพหรือเปลี่ยนการทำงานของระบบให้เป็น Dark Mode ก็จะช่วยป้องกันได้ในระดับหนึ่ง และยังช่วยประหยัดพลังงานอีกด้วย


โดยส่วนใหญ่แล้วการป้องกันก็คือการใช้งานของหน้าจอล้วนๆ เลย เนื่องจากการใช้งานแบบซ้ำๆ หรือเปิดหน้าจอเป็นเวลานานจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิด Burn-in ได้สูงมาก ยิ่งถ้าเปิดในที่แสงจ้าหรือเปิดค้างไว้นานๆ ก็เป็นสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้หน้าจอ Burn-in ได้เลยทีเดียว ซึ่งตัวแอดเองก็เคยพบเจอกับอาการ Burn-in เนื่องจากเปิด GPS นำทางเป็นระยะเวลานาน และได้ลองแก้ไขด้วยแอพ Burn-in Fixer แล้วเหมือนกัน แต่ก็ต้องใช้ระยะเวลาพักหนึ่งแบบหลายวันเลยทีเดียว เพราะจอ Burn-in มานานมากแล้ว แต่ถ้าทำยังไงแล้วไม่หายสักที หรือแก้ทุกทางก็ยังไม่ได้ ก็แนะนำว่าให้เข้าศูนย์เปลี่ยนหน้าจอไปเลยจะดีที่สุด แล้วถ้ามีเรื่องไหนน่าสนใจอีก เราก็จะนำมาฝากกันเรื่อยๆ เลยนะครับ


The post จอเบิร์นคืออะไร เกิดจากอะไรได้บ้าง และมีวิธีแก้ไขพร้อมป้องกันเบื้องต้นได้อย่างไรบ้างในปี 2022 appeared first on Specphone.com.


Viewing all articles
Browse latest Browse all 6

Trending Articles


Swott.คือ


ด่วน! สพป.สกลนคร เขต 1 รับสมัครลูกจ้างชั่วคราว และครูอัตราจ้าง 10 อัตรา


แอร์ LG ขึ้นCH 21ต้องแก้อย่างไรค่ะ


ปลาจีนที่วางขายในกระบะน้ำแข็งที่แม็คโคร ซื้อเอามาทำอะไรถึงจะอร่อยที่สุดครับ?


อาชีพเสริมปักแผ่นเฟรม งานฝีมือทําที่บ้าน หารายได้พิเศษ ทำได้ทุกจังหวัด


ซูมอิน Hesong Entertainment ค่ายสังกัดดาราที่ทรงอิทธิพล พร้อมเปิดตัวสมาชิกใหม่!


มีใครหลงเชื่อสมัครสมาชิกกับบริษัทขายตรง Beyond Beauty (By PAJ) เหมือนเราบ้าง...


รีวิว Preen House ครีมเวชสำอางค์ Peppermint ดีท็อกซ์ผิว


ใช้บัตร M Pass ถ้าจะนั่งที่นั่ง Honeymoon,Opera Chair...


มันคือเพลงอะไรใครทราบบ้าง